ตามวิชาเครื่องยนต์กล่าวได้ว่า กระบอกสูบเป็นช่องว่างที่อยู่ในเสื้อสูบโดยมีรูปทรงกระบอก ใช้เพื่อเป็นช่องว่างให้ลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นลงเมื่อเครื่องยนต์ทำงาน กระบอกสูบจึงมีความเสียดทานต่ำและผิวภายในเรียบแข็ง ในบทความจะมาพูดถึงประเภทและประโยชน์ในการใช้งานว่ามีอะไรบ้าง
กระบอกสูบ มีการใช้งานอย่างไร
อุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์มีอยู่หลายชนิด ไม่เพียงแค่นั้นยังใช้ได้กับการผลิตและก่อสร้างด้วย ซึ่งอุปกรณ์ที่จำเป็นก็คือกระบอกสูบ ภายในมีลูกสูบสำหรับเลื่อนขึ้นลง โดยจะเคลื่อนที่ได้เมื่อมีการทำงานของเครื่องยนต์ แยกได้สองแบบคือกระบอกแบบหล่อชิ้นเดียวกันกับเสื้อสูบกับแยกคนละชิ้น แบบที่แยกได้จะเรียกว่าปลอกสูบ แล้วแยกอีกเป็นสองแบบคือปลอกสูบแบบเปียก กับปลอดสูบแบบแห้ง
เมื่อใช้งานเป็นเวลานาน ๆ อาจทำให้สึกหรอ เพราะแหวนลูกสูบเสียดสีกับผนังกระบอกสูบตลอดเวลา จะน้อยหรือมากก็อยู่ที่ความสะอาดของน้ำมันหล่อลื่นและอากาศ อุณหภูมิน้ำมันบนกระบอกสูบจะสูงกว่าด้านล่าง อีกทั้งมีการหล่อลื่นที่ไม่ดีเท่าใดนัก ส่งผลให้ขณะเครื่องยนต์ทำงานส่วนที่รับแรงเสียดสีมากสุดเป็นผนัง ทั้งยังเสี่ยงต่อการเบี้ยวได้ด้วย ฉะนั้นจึงต้องลดการสึกหรอด้วยการออกแบบให้น้ำมันหล่อลื่นบริเวณผนังให้เป็นพิเศษ
กระบอกสูบ สามารถจำแนกได้กี่ประเภทบ้าง
ในส่วนของประเภทกระบอกสูบที่ใช้งานกับอุตสาหกรรมเครื่องยนต์นั้น จะมีอยู่ทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน สามารถกล่าวได้ดังต่อไปนี้
- Telescoping Cylinder
เป็นกระบอกสูบที่ออกแบบให้ประกอบไปด้วยกระบอกสูบซ้อนกันหลาย ๆ ชิ้น จากที่มีขนาดใหญ่ก็ถูกปรับให้เล็กลง เหมาะกับงานที่ต้องใช้พื้นที่จำกัด เพราะปรับความยาวกระบอกให้หดหรือยืดได้
- Double Acting Cylinders (DAC)
เป็นการนำแรงดันอากาศสองทางมาใช้กับกระบอกสูบ ซึ่งเคลื่อนที่ด้วยการทำงานแบบสลับ ด้านหนึ่งเป็นตัวจ่าย และด้านหนึ่งผลิตแรงดัน เหมาะกับงานที่จำเป็นต้องเคลื่อนที่แนวตรงแล้วมีระยะชักยาว เนื่องจากแรงดันอากาศคงที่กว่าเมื่อเทียบกับกระบอกสูบทางเดียว
- Single Acting Cylinders (SAC)
เป็นการนำแรงดันมาใช้กับกระบอกสูบเพื่อเคลื่อนที่ในทิศเดียวกัน ภายในมีสปริงดันลูกสูบให้กลับเข้าที่พร้อมใช้ครั้งต่อไป เหมาะต่อการนำมาโหลดงานจำนวนไม่มาก เพราะใช้งานได้แม้แต่ตอนไฟดับ
จากบทความที่กล่าวมาสรุปได้ว่า กระบอกสูบเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องยนต์ นอกจากนี้ยังใช้กับอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้างได้ด้วย มีหลายประเภทให้เลือกตามความเหมาะสม แต่ละแบบมีลักษณะการทำงานไม่เหมือนกัน มีการทำงานหลัก ๆ คือขับเคลื่อนกระบอกสูบไปยังทิศที่ต้องการโดยมีลูกสูบที่เลื่อนขึ้นลงอยู่ข้างใน